ยางสังเคราะห์ คืออะไร มีข้อดีอะไรบ้าง – synthetic rubber

ยางสังเคราะห์ คือ

ยางสังเคราะห์ คือ ยางที่ไม่ได้ผลิตจากน้ำยางพาราธรรมชาติทั่วๆไป พวกมันมีต้นกำเนิดมาจากปิโตรเลียม หรือก็คือน้ำมันดิบนั่นเอง ยางสังเคราะห์จะนิยมใช้มากๆในช่วงที่ยางจากน้ำยางธรรมชาตินั้นมีราคาแพงกว่าที่ควรจะเป็นแน่นอนว่ามันทำจากวัสดุคนละประเภทกัน มันก็ย่อมมีคุณสมบัติบางอย่างที่แตกกัน ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเพิ่มคุณสมบัติเพิ่มเติมให้กับยางสังเคราะห์ เช้น ทำให้สามารถทนต่อสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายได้มากขึ้น

ยางสังเคราะห์ แบ่งตามการใช้งานได้ 2 เกรด คือ

  1. แบบใช้งานทั่วไป (Commercial grade rubber) เช่น BR (Butadiene Rubber) และ IR (Isoprene Rubber)
  2. แบบพิเศษ (Specialty rubbers) เป็นเกรดที่พัฒนาคุณสมบัติบางอย่างให้ดีกว่าเดิม เช่น ทนต่ออุณหภูมิได้ดีกว่าตัวอย่างเช่น Acrylate rubber และ Silicone
 

ยางสังเคราะห์มีกี่ชนิด

ยางสังเคราะห์หลักๆสามารถแบ่งออก 5 ชนิด คือ

1. ยางบิวไทล์ (Butyl Rubber, IR) เป็นยางมี่มีในด้านการซึมผ่านของก๊าซต่ำ มันจึงเหมาะสำหรับการทำเป็น ยางในของยางล้อรถ แถมยังนิยมนำไปทำเป็นอุปกรณ์กีฬาต่างๆ เช่น ลูกฟุตบอล เป็นต้น

2. ยางซิลิโคน (Silicone Rubber) สามารถทนต่ออุณหภูมิทั้งร้อนและเย็นได้มากถึง −100 ถึง 300 °C แถมยังมีความยืดหยุ่นที่ดี แต่ราคาค่อนข้างสูง นิยมมาทำเป็นชิ้นส่วนยานยนต์ แผ่นฟิล์ม และท่อซิลิโคน

3. ยางบิวตาไดอีน (Butadiene Rubber, BR) คุณสมบัติคือ สามารถทนความเย็นได้ดี ต้านทานต่อแรงเสียดสีต่างๆได้ดีเยี่ยม นิยมนำมาทำเป็นพื้นรองเท้า ดอกยางของล้อรถยนต์ และอื่นๆ

4. ยางคลอโรพรีน (Chloroprene Rubber, CR) เป็นยางที่สามารถทนต่อแรงดึงได้ดี และสามารถทนต่อน้ำมัน สารเคมีและแสงแดดได้ดี มักจะใช้เป็นวัสดุสำหรับแก้มของยางรถยนต์ ปะเก็น และโอริง

5. ยางสไตรีนบิวตาไดอีน (Styrene-Butadiene Rubber, SBR) คุณสมบัติคือทนความร้อนได้ค่อนข้างดี มีความยืดหยุ่นสูง และความต้านทานต่อแรงดึงที่สูง นิยมผลิตเป็นแผ่นยางกันกระแทก สายพาน และฉนวนหุ้นสายไฟ

ข้อดีและข้อแตกต่างระหว่างยางสังเคราะห์กับยางธรรมชาติ

ยางสังเคราะห์ ดีกว่ายางธรรมชาติตรงที่มันสามารถทนทานต่อน้ำมัน และสารเคมีต่างๆได้ดีกว่า แถมยังสามารถทนต่อความร้อน ความเย็น ได้ดีกว่าเกือบเท่าตัว แถมยางสังเคราะห์นั้นยังสามารถที่จะพัฒนาคุณสมบัติต่างๆ เพิ่มเติมให้เหมาะกับรูปแบบการใช้งานได้อีกด้วย

ยางธรรมชาติ จะได้เปรียบยางสังเคราะห์ตรงที่ ยางธรรมชาติจะต้านทานแรงดึงได้มากกว่า ยืดหยุ่นมากกว่า และมีกลิ่นฉุนน้อยกว่า ส่วนด้านราคาของยางทั้งสองแบบนั้นจะมีความใกล้เคียงกัน ขึ้นอยู่กับ Demand และ Supply ของยางแต่ละประเภท

 
    Banner Image